การฝึกสุนัขเบื้องต้น

การฝึกสุนัขเบื้องต้น



ควรฝึกลูกสุนัขโดยทันที เริ่มจากการให้อาหารลูกสุนัขเป็นเวลาและพาออกไปเที่ยวนอกบ้านบ่อยๆ ถ้าหากคุณเลี้ยงลูกสุนัขของคุณด้วยอาหารของลูกสุนัขของยูคานูบาหรืออามส์สำหรับลูกสุนัข จะพบว่าเวลาในการฝึกจะสั้นลงเนื่องจากการให้อาหารและการขับถ่ายจะเป็นกิจวัตร

จะมีสิ่งบอกเหตุซึ่งคุณคุณต้องคอยสังเกตว่า ถึงเวลาที่จะต้องนำลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน ในกรณีที่ลูกสุนัขเดินไปตามพื้นเป็นรูปวงกลม นั่งหรือร้องครางอยู่ที่ประตู หรือถ้าคุณมองเห็นสุนัขของคุณมองคุณด้วยสายตาวิงวอน และกระวนกระวาย นั่นแสดงว่าเป็นเวลาที่คุณควรจะนำเขาออกไปข้างนอก

หลังจากที่ลูกสุนัขปัสสาวะเสร็จ ให้ชมเขาอย่างเงียบๆ แล้วนำเขาเข้ามาในบ้านในไม่ช้าเขาก็จะเชื่อมโยงการปัสสาวะนอกบ้านกับคำชมเชยของคุณ
เมื่อไหร่ถึงจะพาลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน
- หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเพียงเล็กน้อย สำหรับลูกสุนัขส่วนใหญ่
- หลังจากการงีบของเขา- หลังจากกลับบ้านมาหาเขา ซึ่งปล่อยให้อยู่โดยลำพัง
- หลังอาหารโดยทันที
- หลังจากที่คุณจะพักผ่อน เมือไรก็ตามที่ลูกสุนัขจ้องมองคุณ

แล้วเขาก็กระตือรือร้นที่จะเอาใจคุณ บางครั้งอาจจะพบว่ามีการขับถ่ายเลอะเทอะ คุณก็ไม่ควรขึ้นเสียงหรือตบตีเขาหรือจับเขาดมสิ่งที่เขาขับถ่ายออกมา ในขณะที่เขาอาจจะหมอบคุดคู้ด้วยความหวาดกลัว เขายังเล็กเกินไปที่จะโดนการดุว่าในเรื่องการขับถ่ายที่เลอะเทอะ ถ้าคุณพบเขากำลังถ่ายอยู่ ก็จงรีบนำเขาออกไปนอกบ้านเพื่อให้เขาขับถ่ายจนสุดแล้ว ให้กล่าวชมในความพยายามของเขา

การทำความสะอาดสิ่งขับถ่ายที่เลอะเทอะ สารดับกลิ่นและสารขับไล่แมลงจะช่วยได้มาก อย่าใช้สารทำความสะอาดที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนผสม แม้ว่าในทางเคมีแอมโมเนียและยูรีน จะมีส่วนคล้ายคลึงกันเมื่อทำความสะอาด ควรจะต้องให้แห้งสนิท หาไม่แล้วลูกสุนัขของคุณจะกลับมาสูดดมกลิ่นที่ทำให้เลอะเทอะและอาจจะถูกกระตุ้นให้ทำความเลอะเทอะอีก


ครูฝึกสุนัขอาชีพส่วนใหญ่จะแนะนำว่าสุนัขที่มีอายุ 5 ถึง 6 เดือน เป็นอายุที่เหมาะสมที่สุดที่จะเริ่มนำไปฝึกอย่างจริงจัง ขอแนะนำให้เข้าฝึกเชื่อฟังคำสั่งสำหรับลูกสุนัข ซึ่งจะได้ฟังข้อคิดเห็นและความซาบซึ้งในการฝึก อย่างไรก็ตามคุณสามารถเริ่มฝึกหัดลูกสุนัขเล็กน้อยตั้งแต่วันแรกที่ได้ลูกสุนัขมา

สอนลูกสุนัขของคุณให้รู้จักชื่อของเขา
ขั้นแรกสอนให้ลูกสุนัขจำชื่อของเขาโดยเรียกบ่อยๆ ขานชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่สดใสและมีชีวิตจิตใจ ซึ่งจะดึงดูดความสนใจเขา ให้ทำอย่างนี้ในขณะที่เล่นกับเขา และก้มลงจะเล่น หรือขณะที่คุณกำลังจะวางชามอาหารของเขาลง ในไม่ช้าเขาจะเข้าใจเวลาคุณหรือใครก็ตามที่เรียกชื่อเขา ย่อมหมายถึงเขา เริ่มทำการสื่อสารโดยไม่อาศัยคำพูดตั้งแต่แรก โดยอาศัยส่งทางสายตากับลูกสุนัขของคุณ เรียกชื่อของเขา เมื่อเขาหันหลังสบตากล่าวคำชมเชยเขาอย่าสุดจิตสุดใจเพื่อดึงดูดความสนใจของเขา โดยให้เขามองที่ตาของคุณ (ใช้มือทั้งสองป้องตาจะช่วยได้) ให้ทำอย่างนั้นนานเท่าที่คุณจะทำได้ และกล่าวชมเขาตราบเท่าที่เขาจ้องมองที่ตาคุณ ในไม่ช้าลูกสุนัขจะเริ่มจ้องมาที่ตาคุณ และเขาจะหัดตีความหมายการมองของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการมองแบบยิ้มๆ เพื่อให้รู้ว่าเห็นด้วย หรือการจ้องที่ขึงขังซึ่งหมายความว่าไม่เห็นด้วย

ปลอกคอและสายจูง
ฝึกให้ลูกสุนัขของคุณเคยชินกับปลอกคอและสายจูง เริ่มจากใช้ปลอกคอที่แคบและอ่อนนุ่มก่อน และให้เขาใส่เป็นประจำจนกว่าจะเกิดความเคยชิน แล้วค่อยเอาโซ่ที่เบาติดเข้ากับปอกคอ ให้ยาวจนลากดินแล้วปล่อยให้เขาลากไปมาเป็นเวลาหลายวัน วิธีการต่อไปก็คือให้จับปลายข้างโซ่ขึ้นมาโดยไม่ให้มันตึง ดึงให้ตรงแล้วเดินล่อลูกสุนัขของคุณด้วยคำหวานเพื่อให้เดินตามคุณ ถ้าเขาเดินไม่ทันหรือวิ่งนำหน้าคุณ ให้กระตุกสั้นๆ และเบาๆ ควรจะเดินไปพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ลูกสุนัขไม่รู้สึกว่าเป็นการนำมี่ล้ำหน้าเกินไป และไม่เริ่มคิดว่าเป็นการบังคับที่ไม่สบายเลย ในช่วงนี้คงเพียงพอ แต่คุณสามารถฝึกสุนัขได้จริงจังกว่านี้ เมื่อเขามีอายุมากขึ้น และประสบการณ์ในระยะแรกในสายจูงจะเป็นพื้นฐานที่ดี

ในช่วงอายุ 5 - 6 เดือน คุณสามารถเริ่มฝึกแบบเอาจริงเอาจัง ในเนื้อหาถัดไปคุณจะเรียนรู้วิธีสอนลูกสุนัขของคุณเชื่อฟังคำสั่งพื้นฐาน เช่น "ชิด" "นั่ง" "หมอบ" "คอย" มีหนังสือคู่มือฝึกสุนัขดีๆ อยู่จำนวนมาก และคุณควรศึกษาจากหนังสือสักเล่มหนึ่ง เพื่อฝึกสุนัขของคุณให้เลยขั้นพื้นฐาน หากคุณไม่มีเวลาศึกษาวิธีฝึกสุนัขก็ควรนำไปสมัครที่ศูนย์ฝึกสุนัข

ปลอกคอชนิดโซ่
ในระหว่างการฝึกลูกสุนัขควรต้องใส่ปลอกคอชนิดโซ่ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องด้วย สายจูงชนิดนี้ คุณสามารถกระตุกสั้นๆ และเร็ว เพื่อเตือนเขาว่าเขากำลังทำผิด ถ้าเราใช้ปลอกคอชนิดโซ่อย่าถูกต้อง ก็จะไม่ทำให้เขาเกิดอันตราย เพื่อการสวมปลอกคอชนิดโซ่อย่าถูกต้อง ให้ถือสายจูงด้วยมือขวาของคุณ ขยายบ่างให้ใหญ่ขึ้น แล้วสวมห่วงลงบนคอสุนัขโดยให้ห่วงห้อยลง ถ้าห่วงไม่ห้อยลง โซ่จะไม่หย่อนเมื่อปล่อยและอาจจะทำให้สุนัขเกิดอันตราย

นั่ง
"นั่ง" บางครั้งอาจจะสอนโดยไม่ต้องอาศัยวิธีกายภาพ ให้ยื่นมือข้างใดข้างหนึ่งเหนือศีรษะของลูกสุนัข และให้นิ้วแนบชิดติดกันราวกับมีของอยู่ในมือ ลูกสุนัขของคุณจะสนใจมือของคุณ และจะจ้องมองดูในขณะที่เขามองดู ให้หดมือกลับคืนเหนือศีรษะของลูกสุนัข การมองมือที่หดกลับอาจทำให้เขานั่งลง ถ้าเขานั่งลงก็ให้พูดว่า "นั่ง"

ถ้าลูกสุนัขของคุณไม่ตอบสนองต่อวิธีที่ไม่อาศัยวิธีกายภาพ ให้ช่วยเขาเล็กน้อยให้ผูกสายจูงเข้ากับปลอกคอลูกสุนัขของคุณ และใช้สิ่งนี้เพื่อให้เขาอยู่ใกล้คุณให้ค่อยๆ ดันส่วนท้ายของลูกสุนัขลง และดึงสายจูงขึ้นมาเล็กน้อย และพูดว่า "นั่ง"

ตอนนี้ลูกสุนัขของคุณรู้ว่าจะ "นั่ง" อย่างไร การหมอบจึงไม่ยากจนเกินไปสำหรับเขา ให้ลูกสุนัขด้วยวิธีทั้งสอง ในขั้นสุดท้ายก็คือ ต้องกล่าวชมลูกสุนัขของคุณเมื่อเขานั่งลงตามคำสั่ง อย่าใช้ของว่างหรือสินจ้างรางวัล การยอมรับและคำชมเชยเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมที่ดีที่สุด


หมอบ
ตอนนี้ลุกสุนัขของคุณรู้วิธีนั่งลงแล้ว ซึ่งไม่น่าจะยากเย็นสำหรับเขา ให้ลูกสุนัขของคุณอยู่ในท่านั่ง (ซึ่งคงเป็นคำสั่งของคุณ) แล้วโน้มตัวโดยอยู่ชิดติดตัวเขา ให้เลื่อนอุ้งเท้าหน้าของเขาไปข้างหน้า ในขณะที่กดไหล่ของเขาอย่างนุ่มนวลจนกระทั่งเขาอยู่ในท่าหมอบ เมื่อเขาอยู่ในท่าดังกล่าวให้พูดคำว่า "หมอบ" ให้เขาอยู่ในลักษณะนั้นโดยใช้มือกดที่ไหล่เป็นเวลาสองสามวินาที แล้วทำการสั่งให้หมอบอีกครั้งหนึ่งในขั้นสุดท้าย เมื่อเขาทำได้ถูกต้องควรกล่าวยกย่องเขาเสมอหรือแม้ว่าเขาจะอยู่ในท่านั้น เนื่องจากคุณใช้มือกดที่ไหล่ของเขาก็ตาม ในไม่ช้าเขาจะรู้ว่าคุณต้องการให้เขาทำอย่างนั้น


เดินชิด
เมื่อลูกสุนัขของคุณเข้าใจเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้แล้ว ก็ให้สอนเขาเดินชิด โดยให้อยู่ทางซ้ายมือของคุณ ในสายจูงที่ไม่ดึง ถ้าคุณเคยให้ลูกสุนัขของคุณอยู่ในสายจูงมาก่อน เขาควรพร้อมจะเดินไปกับคุณโดยไม่ขัดขืนหรือไม่เต็มใจ

เริ่มฝึกสุนัขของคุณจากท่านั่ง โดยอยู่ซ้ายมือของคุณ ให้พูดว่า เดินแล้วออกเดินโดยเริ่มจากการยื่นเท้าซ้ายออกไป การกระตุกสายจูงค่อยๆ จะทำให้ลูกสุนัขของคุณออกเดินกับคุณ หากลูกสุนัขของคุณเดินเร็วหรือเดินไกลจนเกินไปหรือล้าหลังให้กระตุกอย่างเร็ว เพื่อให้เขามาอยู่ข้างตัวคุณพยายามเดินในความเร็วที่คงที่และในทิศทางเดิน เมื่อไรก็ตามที่ลูกสุนัขของคุณไม่อยู่ในท่าเดินชิด ให้ใช้วิธีกระตุกเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง และให้กล่าวยกย่องเขาอย่างเต็มที่ถ้าเขาเดินชิดได้อย่างถูกต้อง

ในตอนแรกที่คุณฝึกลูกสุนัขของคุณให้เดินชิด เขาอาจจะวิ่งนำหน้าหรือเดินล้าหลัง เมื่อเป็นเช่นนั้นปลอกคอชนิดโซ่อาจรัดแน่นจนอึดอัด แล้วถ้าเขายังไม่กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ข้างตัวคุณ การกระตุกแบบค่อยๆ เพื่อให้กลับเข้าที่เป็นสิ่งที่ควรทำ เมื่อลูกสุนัขของคุณเรียนรู้คำสั่ง ให้ลองเพิ่มเติมการเดินในรูปเลขแปด เดินลัดเลาะไปมาระหว่างต้นไม้ ให้เดินหมุนกลับทางซ้ายและขวา ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้สุนัขของคุณสนใจและมีความสุข ให้ขัดจังหวะการเดินโดยหยุดสนิทแล้วพูดว่า "นั่ง" เริ่มจากการสั่งให้นั่งเป็นเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นก็สั่งให้เดินชิดแล้วเริ่มเดินอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเรียนได้ไม่กี่ครั้ง ลูกสุนัขของคุณควรจะนั่งโดยอัตโนมัติ ให้กล่าวชมเขามากๆ ในขณะที่ฝึกหัดบทเรียนนี้

รอ
เวลาสั่งให้ "รอ" ควรใช้ระดับเสียงที่แตกต่างออกไป ในขณะที่สั่งให้นั่ง หมอบ และเดินชิด ให้ใช้เสียงที่หนักแน่น มีอำนาจ แจ่มใส ส่วนคำสั่งให้นั่ง เสียงควรให้ยาวและช้า

ให้ลูกสุนัขของคุณนั่งอยู่ข้างตัวคุณ ยื่นมือขวาให้อยู่หน้าเขา โดยหันฝ่ามือเข้าหาลูกสุนัข อย่าทำให้ลูกสุนัขตกใจเพราะการให้สัญญาณด้วยมือแบบทันทีทันใด ควรจะเคลื่อนที่แบบค่อยๆ และสม่ำเสมอ แต่ก็ยังให้มือของคุณอยู่หน้าเขาพร้อมพูดว่า "รอ" ในขณะเดียวกันก็เดินไปยืนอยู่หน้าลูกสุนัขอย่างเงียบๆ จับปลอกคอชนิดโซ่ให้แน่นในกรณีที่ลูกสุนัขไม่ยอม รอ แต่จะไปที่อื่น ถ้าเขาลุกขึ้นให้พูดว่า "หยุด นั่งรอ" ในขณะที่ทำให้เขากลับไปอยู่ในท่ารอ จุดประสงค์ในขณะนี้คือทำให้ลูกสุนัขอยู่ในท่ารอ จุดประสงค์ในขณะนี้คือทำให้ลูกสุนัขอยู่ในท่ารอนานราว 5 - 10 นาที นานพอที่คุณจะเดินจากเขาไปแล้วยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นเวลาสองสามวินาที และกลับมาอยู่ข้างๆเขาถ้าเขาสามารถทำตามคำสั่งได้ดี ควรที่คุณจะกล่าวคำชมเขา ให้ค่อยๆ เพิ่มเวลาที่จะทำให้ลูกสุนัขอยู่ในท่า "รอ" เมื่อเขาอยู่ในท่า "รอ" อย่างคงเส้นคงวา โดยไม่ต้องอาศัยวิธีกายภาพจากคุณ ให้เริ่มอยู่ห่างจากลูกสุนัขมากขึ้นโดยก้าวถอยหลังให้ยาวเต็มที่ในแต่ละครั้งให้ใช้สัญญาณมือพร้อมกับออกคำสั่งต่อไป เพื่อที่ลูกสุนัขของคุณจะเรียนรู้ทั้งสองสิ่งร่วมกัน หรือจะเป็นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็รู้ว่าต้อง "รอ" อย่าฝึกให้เร็วจนเกินไป หากเขาทำได้สำเร็จไม่ว่าจะมากหรือน้อยสักแค่ไหน ก็ต้องกล่าวชมทุกครั้ง
ข้อแนะนำในการฝึกสุนัข
ทำตามกำหนดการให้กำหนดเวลาในการฝึกสุนัข และทำตามเวลาที่กำหนดแน่นอนวันละ 2 ครั้ง เวลาในการฝึกควรให้สั้น เริ่มจากการฝึกครั้งละ 5 -10นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาการฝึกให้นานขึ้น
ต้องสม่ำเสมอเวลาออกคำสั่งเดียวกัน ให้ใช้คำและน้ำเสียเดียวกันทุกครั้ง หากคุณพูดว่า "มานี่เบลเซอร์" ด้วยน้ำเสียงที่สดใสและเข้าใจในระหว่างการฝึก ในการฝึกครั้งต่อไป อย่างเปลี่ยนเป็น "มานี่เบลเซอร์" ด้วยน้ำเสียงที่แสดงอำนาจในการฝึกครั้งต่อไป เบลเซอร์จะเกิดความสับสนและอาจจะไม่ตอบสนองในสิ่งที่คุณต้องการ
ต้องมั่นคง ลูกสุนัขรู้ว่าเราไม่ได้ทำแบบเล่นๆ ให้ทำแบบเอาจริงเอาจังเพื่อให้เขารู้ว่าเขาก็ต้องทำแบบเอาจริงจังเช่นเดียวกัน อย่าให้อาการ ขี้เล่นหรือนัยน์ตาสีน้ำตาลที่เศร้าสร้อยทำให้คุณใจอ่อน
ต้องอดทนหากลูกสุนัขของคุณไม่เป็นนักเรียนที่ปราดเปรื่องในตอนต้นก็อย่าให้ เป็นเหตุทำให้คุณและสุนัขผิดหวัง ลูกสุนัขจะรู้ว่าคุณโกรธหรือขาดความอดทน ซึ่งจะทำให้เขากังวล เขาจะรู้สึกกระวนกระวายเกี่ยวกับการฝึก และสิ่งนั้นจะทำให้คุณและสุนัขยุ่งยากมากขึ้น ถ้ารู้สึกหงุดหงิดควรจะเลื่อนการฝึกออกไป

ต้องตอบสนองทันทีให้ใช้คำยกย่องหรือทำการแก้ไขโดยทันทีที่ลูกสุนัขของคุณตอบสนองต่อคำสั่ง หากเขามาตามคำสั่ง ให้ชมเขาอย่าเต็มที่ในทันทีที่เขาไปหาคุณ หรือแม้แต่เข้าไปหาโดยห่างจากจุดหมายถึงสองฟุต และต้องกระตุกสายจูงเล็กน้อยเพื่อให้เขาทำตาม การแก้ไขให้ใช้คำสั้นและห้วนว่า "อย่า" อย่าตีลูกสุนัขที่ผ่านการฝึกมาดี ควรที่จะตอบสนอง เพราะเขาอยากจะทำให้เจ้านายของเขาพอใจ ไม่ใช่เป็นเพราะเขากลัวนายของเขา

ให้คงไว้ซึ่งอัธยาศัยที่ดีให้การสิ้นสุดการฝึกแบบมีความสุขเสมอ เพื่อที่ทั้งคุณและลูกสุนัขของคุณจะรู้สึกพอใจในตัวคุณและพอใจซึ่งกันและกัน การที่จะฝึกให้ประสบความสำเร็จ ลูกสุนัขของคุณต้องมีท่าทีในทางบวกเกี่ยวกับการฝึก และท่ามีของเขาย่อมขึ้นอยู่กับคุณโดยสิ้นเชิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น